เบรกเกอร์ไฟฟ้า (Circuit Breaker) เป็นอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมและป้องกันระบบไฟฟ้าจากความเสียหายที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าเกิน (Overcurrent) ไฟฟ้าลัดวงจร (Short Circuit) และไฟรั่ว (Earth Leakage) โดยทำหน้าที่ตัดวงจรโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่อาจเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์หรือผู้ใช้งาน ระบบเบรกเกอร์ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
หลักการทำงานของเบรกเกอร์
หลักการทำงานของเบรกเกอร์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ Thermomagnetic และ Electronic
1. Thermomagnetic Circuit Breaker
เบรกเกอร์ประเภทนี้ใช้หลักการทำงานของ ไบเมทัล (Bimetal Strip) และแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Coil) ในการตรวจจับกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ
1.1 ป้องกันกระแสเกิน (Overcurrent Protection) ด้วยไบเมทัล
-
- ใช้แผ่นโลหะสองชนิดที่มีค่าสัมประสิทธิ์การขยายตัวทางความร้อนต่างกัน เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเกินค่าที่กำหนด แผ่นไบเมทัลจะร้อนและงอ จนไปกระตุ้นกลไกตัดวงจร
- ระยะเวลาการตัดขึ้นอยู่กับค่ากระแสเกินและคุณสมบัติของไบเมทัล
1.2 ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร (Short Circuit Protection) ด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า
-
- ใช้ขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าสร้างสนามแม่เหล็กเพื่อตรวจจับกระแสลัดวงจร
- เมื่อตรวจพบกระแสสูงผิดปกติ ขดลวดจะกระตุ้นกลไกให้ตัดวงจรทันทีภายในมิลลิวินาที
2. Electronic Circuit Breaker
เบรกเกอร์ประเภทนี้ใช้ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ ในการตรวจจับความผิดปกติของกระแสไฟฟ้า ทำให้สามารถปรับค่าการตอบสนองได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
2.1 ตรวจจับกระแสไฟฟ้า
-
- ใช้เซนเซอร์วัดกระแสและแรงดันที่ไหลผ่านวงจร
- วิเคราะห์ข้อมูลด้วยไมโครโปรเซสเซอร์เพื่อกำหนดการทำงานของเบรกเกอร์
2.2 ป้องกันแบบปรับค่าได้ (Adjustable Protection)
-
- สามารถตั้งค่าการตอบสนองตามลักษณะโหลด เช่น การตั้งค่าการหน่วงเวลาการตัดวงจร (Time Delay)
- รองรับการป้องกันหลายรูปแบบ เช่น Overcurrent, Short Circuit, Ground Fault และ Arc Fault
หมายเหตุที่ควรรู้
-
เบรกเกอร์แบบ Thermomagnetic เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปและมีความทนทานสูง แต่ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง หรือการตั้งค่าที่ละเอียด
-
เบรกเกอร์แบบ Electronic เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูงและการควบคุมที่ยืดหยุ่น แต่มีราคาสูงและต้องการการบำรุงรักษามากกว่า
-
การเลือกใช้เบรกเกอร์ทั้งสองประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและงบประมาณที่มี
- อ่านเพิ่มเติม : เบรกเกอร์ คืออะไร
ประเภทของเบรกเกอร์
1. Miniature Circuit Breaker (MCB)
เบรกเกอร์ลูกย่อยขนาดเล็ก ใช้ในระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำ เช่น บ้านพักอาศัย และสำนักงานทั่วไป สามารถรองรับกระแสไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 6A ถึง 125A โดยหลักการทำงานจะใช้กลไกไบเมทัลและแม่เหล็กไฟฟ้า (Thermomagnetic)
2. Molded Case Circuit Breaker (MCCB)
เป็นเบรกเกอร์ขนาดกลางถึงใหญ่ที่สามารถรองรับกระแสไฟฟ้าสูงกว่า MCB โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 100A ถึง 2500A ใช้ในอาคารพาณิชย์และโรงงานอุตสาหกรรม มีทั้งแบบ Thermomagnetic และ Electronic
3. Air Circuit Breaker (ACB)
ใช้ในระบบไฟฟ้าแรงดันปานกลางและสูง โดยใช้ลมอัดเป็นตัวช่วยดับอาร์กไฟฟ้าเมื่อทำการตัดวงจร รองรับกระแสไฟฟ้าสูงมากถึง 6300A โดยส่วนมากใช้เทคโนโลยี Electronic
4. Vacuum Circuit Breaker (VCB)
ใช้ในระบบไฟฟ้าแรงสูงโดยอาศัยสุญญากาศในการตัดอาร์กไฟฟ้า เหมาะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และสถานีไฟฟ้าย่อย มักใช้การควบคุมด้วยวงจร Electronic
5. Residual Current Circuit Breaker (RCCB) / Earth Leakage Circuit Breaker (ELCB)
ใช้สำหรับป้องกันไฟฟ้ารั่วและไฟดูด สามารถตรวจจับกระแสไฟฟ้ารั่วได้ตั้งแต่ 30mA ขึ้นไป มักใช้เทคโนโลยี Electronic เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับเบรกเกอร์และระบบป้องกันไฟฟ้า
การเลือกและใช้งานเบรกเกอร์ไฟฟ้าจำเป็นต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า โดยมาตรฐานที่เกี่ยวข้องมีดังนี้
- IEC 60898-1 – มาตรฐานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้า กำหนดข้อกำหนดสำหรับเบรกเกอร์แรงดันต่ำที่ใช้ในบ้านและอาคาร
- IEC 60947-2 – มาตรฐานเบรกเกอร์สำหรับการใช้งานในระบบอุตสาหกรรม
- IEEE C37.13 – มาตรฐานอเมริกันสำหรับเบรกเกอร์แรงดันต่ำและแรงดันสูง
- NFPA 70 (National Electrical Code – NEC) – มาตรฐานเกี่ยวกับการติดตั้งระบบไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจรและไฟฟ้ารั่ว
- มาตรฐาน มอก. (TIS 1436-2540) – มาตรฐานอุตสาหกรรมไทยที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับเบรกเกอร์ไฟฟ้าในประเทศไทย
การเลือกใช้เบรกเกอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานช่วยให้มั่นใจว่าอุปกรณ์มีคุณภาพสูงและปลอดภัยต่อการใช้งานในระบบไฟฟ้าต่างๆ
อันตรายจากการใช้เบรกเกอร์ผิดประเภท และแนวทางป้องกัน
หากเลือกใช้เบรกเกอร์ไม่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าและก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง เช่น ไฟไหม้ หรือการทำงานผิดพลาดของอุปกรณ์ไฟฟ้า ดังนี้
1. ความเสี่ยงจากการใช้เบรกเกอร์ผิดประเภท
- เบรกเกอร์ที่มีกระแสพิกัดต่ำเกินไป อาจทำให้เกิดการตัดวงจรบ่อยครั้งโดยไม่จำเป็น
- เบรกเกอร์ที่มีกระแสพิกัดสูงเกินไป อาจไม่สามารถตัดกระแสไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดความร้อนสะสมและอาจนำไปสู่ไฟไหม้
- ใช้เบรกเกอร์ไม่ตรงกับประเภทโหลด เช่น ใช้ MCB แทน MCCB ในระบบที่ต้องรองรับกระแสสูง อาจทำให้เบรกเกอร์ไม่สามารถทนต่อกระแสกระชากได้
- ติดตั้งผิดวิธี เช่น ไม่ได้ต่อสายดิน (Grounding) หรือใช้เบรกเกอร์ที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ารั่วในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
2. แนวทางป้องกัน
- ตรวจสอบพิกัดของเบรกเกอร์ให้เหมาะสมกับโหลด โดยพิจารณาค่ากระแสไฟฟ้าที่ใช้งานจริง
- ใช้เบรกเกอร์ที่ได้รับมาตรฐานสากล และผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้
- ติดตั้งระบบป้องกันเสริม เช่น เซอร์กิตเบรกเกอร์ชนิดที่สามารถตรวจจับไฟรั่ว (RCCB/ELCB) ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
- บำรุงรักษาเบรกเกอร์อย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบการทำงานของกลไกตัดวงจร และทำความสะอาดอุปกรณ์ภายในตู้ไฟ
- ให้ช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ติดตั้งและตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าการติดตั้งเป็นไปตามมาตรฐาน
สรุป
เบรกเกอร์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ Thermomagnetic และ Electronic โดย Thermomagnetic ใช้กลไกทางกายภาพในการตรวจจับและตัดวงจร ขณะที่ Electronic ใช้เซนเซอร์และไมโครโปรเซสเซอร์ในการควบคุมการทำงาน ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและปรับแต่งการป้องกันได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การเลือกใช้เบรกเกอร์ที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับโหลดจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า และลดความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัยที่เกิดจากปัญหาไฟฟ้า
การอบรมไฟฟ้ากับ Elecsafetrain ช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยในการทำงานกับระบบไฟฟ้า ด้วยหลักสูตรที่ได้รับการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ทั้งในด้านการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า การใช้งานเบรกเกอร์ และการบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้า สอนทฤษฎีและการปฏิบัติจริงเพื่อให้คุณพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปิดอบรมแล้ววันนี้ทั้งรูปแบบบุคคลทั่วไป (ราคาเริ่มต้น 1,800 บาท/ท่าน) และอินเฮ้าส์ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
รายละเอียด : อบรมไฟฟ้า 3 ชม.
ติดต่อสอบถาม : (064) 958 7451 คุณแนน / อีเมล Sale@safetymember.net
อ้างอิง
- IEC 60898-1:2015 “Electrical Accessories – Circuit Breakers for Overcurrent Protection for Household and Similar Installations”
- IEEE Std C37.13-2015 “Standard for Low-Voltage AC Power Circuit Breakers Used in Enclosures”
- NFPA 70 (NEC) “National Electrical Code”
บทความที่น่าสนใจ
- Lockout Tagout (LOTO) คืออะไร ระบบป้องกันพลังงานในงานเครื่องจักร
- ไฟฟ้าช็อตอันตรายแค่ไหน เจาะลึกความเสี่ยง ผลกระทบ และวิธีป้องกัน
- ฟิวส์ขาดบ่อย ๆ อาจบ่งบอกถึงปัญหาอะไร