ไฟฟ้าเป็นพลังงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการควบคุมและใช้งานอย่างถูกต้อง ไฟฟ้าอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การเดินสายไฟผิดพลาด อุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุด หรือการปฏิบัติงานที่ไม่ปลอดภัย
ประเภทของอันตรายจากไฟฟ้า มีอะไรบ้าง
1. ไฟฟ้าช็อต (Electric Shock)
ไฟฟ้าช็อตเกิดขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายมนุษย์ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการตั้งแต่เล็กน้อย เช่น รู้สึกชา ไปจนถึงร้ายแรง เช่น หัวใจหยุดเต้นหรือล้มเหลวในระบบไหลเวียนโลหิต ความรุนแรงของไฟฟ้าช็อตขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความต่างศักย์ไฟฟ้า ความต้านทานของร่างกาย และระยะเวลาที่ได้รับกระแสไฟฟ้า
2. ไฟฟ้าลัดวงจร (Short Circuit)
ไฟฟ้าลัดวงจรเกิดขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผิดเส้นทาง ทำให้เกิดความร้อนสูงจนก่อให้เกิดไฟไหม้หรือระเบิดของอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ สาเหตุของไฟฟ้าลัดวงจรอาจเกิดจากฉนวนสายไฟเสื่อมสภาพ อุปกรณ์เสียหาย หรือการเชื่อมต่อที่ไม่เหมาะสม
3. ฟ้าผ่าและแรงดันเกิน (Overvoltage and Lightning)
แรงดันเกินสามารถเกิดขึ้นได้จากฟ้าผ่าหรือความผิดปกติของระบบไฟฟ้า ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายได้ทันที หากไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันแรงดันเกิน (Surge Protector)
4. ไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Discharge – ESD)
ไฟฟ้าสถิตเกิดจากการสะสมของประจุไฟฟ้าบนพื้นผิวของวัสดุต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอาจทำให้เกิดการระเบิดได้ในสภาพแวดล้อมที่มีสารไวไฟ
วิธีป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าในโรงงาน
1. ติดตั้งและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า
-
- ตรวจสอบและบำรุงรักษาสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นประจำ
- ใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองตามข้อกำหนดความปลอดภัย
- ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันกระแสไฟรั่ว (Residual Current Device – RCD) เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าช็อต
2. ฝึกอบรมและความตระหนักของพนักงาน
-
- จัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย
- ให้พนักงานสามารถระบุสัญญาณเตือนของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อาจเป็นอันตรายได้
- สร้างวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยโดยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการรายงานปัญหาที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า
3. การใช้อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE)
-
- ใช้ถุงมือและรองเท้าฉนวนไฟฟ้าเมื่อทำงานกับระบบไฟฟ้า
- สวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถป้องกันประกายไฟและไฟฟ้าสถิต
4. ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้า
-
- ใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์และฟิวส์ที่ เหมาะสมกับโหลดไฟฟ้า
- ติดตั้งระบบสายดินที่ได้มาตรฐานเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่ว
5. การตรวจสอบและทดสอบระบบไฟฟ้า
-
- ทดสอบระบบไฟฟ้าเป็นระยะด้วยเครื่องมือวัดที่ได้รับการรับรอง เช่น เมตรวัดความเป็นฉนวน (Insulation Resistance Tester)
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อทางไฟฟ้าให้แน่นหนาและปลอดภัย
สำหรับพนักงานที่ต้องปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า นายจ้างต้องจัดอบรมไฟฟ้า ให้กับพนักงานก่อนทำงาน เพื่อความปลอดภัยในการทำงานและเป็นข้อกำหนดตามกฎหมายที่นายจ้างต้องจัดอบรมให้กับพนักงาน ตามประกาศกรมสวัสดิการฯ 2558
- อ่านเพิ่มเติม : สรุปอบรมไฟฟ้าตามประกาศกรมสวัสดิการฯ 2558
มาตรการลดความเสี่ยงการเกิดอันตรายจากไฟฟ้า ในโรงงาน
1. วางผังโรงงานและระบบไฟฟ้า
-
- ออกแบบระบบไฟฟ้าให้สามารถรองรับโหลดไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอ
- จัดระเบียบสายไฟให้เป็นระเบียบและหลีกเลี่ยงการวางสายไฟในพื้นที่เสี่ยงต่อการเสียหาย
2. จัดการกรณีฉุกเฉิน
-
- ติดตั้งเครื่องดับเพลิงและอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยในจุดที่มีความเสี่ยงสูง
- กำหนดแนวทางปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุไฟฟ้าช็อตหรือไฟไหม้จากไฟฟ้า
- ฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินเป็นประจำเพื่อให้พนักงานสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง
3. ตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจำ
-
- ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- ใช้เครื่องมือวัดที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเพื่อประเมินสภาพของระบบไฟฟ้า
ระยะห่างที่ปลอดภัยในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้า ต้องห่างเท่าไหร่?
การปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้าจำเป็นต้องมีระยะปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าดูดและอันตรายที่เกี่ยวข้อง โดยมีมาตรฐานกำหนดระยะห่างในกรณีต่าง ๆ ดังนี้
1. ระยะห่างต่ำสุดตามแนวนอนระหว่างสายไฟฟ้ากับสิ่งก่อสร้าง (กรณีสายไฟฟ้าไม่ได้ยึดติดกับสิ่งก่อสร้าง)
อ้างอิง: มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2556 โดยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.)
- กำหนดระยะห่างต่ำสุดของสายไฟฟ้ากับอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างในแนวนอน เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือความเสียหายจากการเสียดสีหรือพาดเกี่ยว
- ระยะห่างที่กำหนดขึ้นอยู่กับบริเวณพื้นที่ และประเภทของสายไฟฟ้า (ซึ่งมีผลต่อแรงดันไฟฟ้า โดยแรงดันไฟฟ้า ไม่เกิน 1 kV ได้แก่ สายหุ้มฉนวนแรงต่ำ ในขณะที่แรงดันไฟฟ้า 11 – 33 kV ได้แก่ สายเปลือย, สายหุ้มฉนวนแรงสูง (ไม่เต็มพิกัด), สายหุ้มฉนวนแรงสูง 2 ชั้น (ไม่เต็มพิกัด), สายหุ้มฉนวนแรงสูงเต็มพิกัด ตีเกลียว)
กำหนดระยะห่าง
1. พื้นที่ผนังด้านปิดอาคาร แบ่งตามประเภทของสายไฟฟ้าจะได้ระยะห่าง :
-
- สายหุ้มฉนวนแรงต่ำ : 0.15 เมตร
- สายเปลือย : 1.15 เมตร
- สายหุ้มฉนวนแรงสูง (ไม่เต็มพิกัด) : 0.6 เมตร
- สายหุ้มฉนวนแรงสูง 2 ชั้น (ไม่เต็มพิกัด) : 0.3 เมตร
- สายหุ้มฉนวนแรงสูงเต็มพิกัด ตีเกลียว : 0.15 เมตร
2. พื้นที่ผนังด้านเปิดของอาคาร เฉลียง ระเบียงที่คนเข้าถึงได้ แบ่งตามประเภทของสายไฟฟ้าจะได้ระยะห่าง :
-
- สายหุ้มฉนวนแรงต่ำ : 0.15 เมตร
- สายเปลือย : 1.80 เมตร
- สายหุ้มฉนวนแรงสูง (ไม่เต็มพิกัด) : 1.50 เมตร
- สายหุ้มฉนวนแรงสูง 2 ชั้น (ไม่เต็มพิกัด) : 0.90 เมตร
- สายหุ้มฉนวนแรงสูงเต็มพิกัด ตีเกลียว : 0.60 เมตร
2.ระยะห่างที่ปลอดภัยของการทำงานใกล้สายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่มีฉนวนหุ้ม สำหรับนั่งร้าน
การปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับ นั่งร้านใกล้สายไฟฟ้าแรงสูง จำเป็นต้องรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันไฟฟ้าดูดหรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น โดยระยะห่างขั้นต่ำที่ปลอดภัยขึ้นอยู่กับระดับแรงดันไฟฟ้า ดังนี้
แรงดันไฟฟ้า | ระยะห่างที่ปลอดภัย (เมตร) |
---|---|
แรงดันต่ำและ 12 กิโลโวลต์ | 2.40 เมตร |
24 กิโลโวลต์ | 3.00 เมตร |
69 กิโลโวลต์ | 3.30 เมตร |
115 กิโลโวลต์ | 3.90 เมตร |
230 กิโลโวลต์ | 5.30 เมตร |
📌 ข้อควรปฏิบัติ
- ห้ามติดตั้งนั่งร้าน หรือทำงานภายในระยะที่ต่ำกว่ากำหนด
- หากจำเป็นต้องทำงานใกล้สายไฟฟ้า ควรประสานงานกับ การไฟฟ้า ล่วงหน้า
- ใช้วัสดุที่เป็นฉนวนไฟฟ้า และอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือฉนวน รองเท้าเซฟตี้
- ติดตั้ง ป้ายเตือนอันตราย บริเวณที่มีความเสี่ยง
- ให้พนักงานที่ปฏิบัติงานผ่านการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า
3. ระยะห่างระหว่างสายไฟกับผู้ปฏิบัติงาน หรือเครื่องมือกล
เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานที่ใช้เครื่องมือต่างๆในการทำงาน เช่น ปั้นจั่น รถเครน หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ควรรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด
ขนาดแรงดันไฟฟ้า | ระยะห่างที่ปลอดภัย (เมตร) |
---|---|
12,000 – 69,000 โวลต์ | 3.05 – 3.2 เมตร |
115,000 โวลต์ | 3.90 เมตร |
230,000 โวลต์ | 5.30 เมตร |
📌 ข้อควรปฏิบัติ
- ห้ามให้เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือร่างกายเข้าใกล้สายไฟต่ำกว่าระยะห่างที่กำหนด
- ตรวจสอบตำแหน่งสายไฟก่อนเริ่มงาน โดยเฉพาะเมื่อใช้เครนหรือปั้นจั่น
- ใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น ฉนวนหุ้มสายไฟชั่วคราว ป้ายเตือน หรือกั้นเขตอันตราย
- อบรมพนักงานเกี่ยวกับมาตรการป้องกันอุบัติเหตุจากไฟฟ้า
บทสรุป
ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อโรงงานอุตสาหกรรม แต่หากไม่มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม ก็อาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น โรงงานควรให้ความสำคัญกับการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า การฝึกอบรมพนักงาน และการใช้เครื่องป้องกันภัยส่วนบุคคล เพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานกับไฟฟ้าเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะและมั่นใจในความปลอดภัยในงานไฟฟ้า ไม่ควรพลาดการอบรมไฟฟ้า ลงทะเบียนเข้าร่วมอบรมไฟฟ้ากับ ElecSafeTrain แล้วมาพัฒนาองค์ความรู้และความปลอดภัยในการทำงานไปพร้อมกัน! สมัครแบบอินเฮ้าส์วันนี้ลดทันที 40%
รายละเอียด : อบรมการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า
ติดต่อ : อีเมล Sale@safetymember.net / โทร (064) 958 7451 คุณแนน
อ้างอิง
- National Fire Protection Association (NFPA). (2023). NFPA 70E: Standard for Electrical Safety in the Workplace.
- Occupational Safety and Health Administration (OSHA). (2022). Electrical Safety Guidelines.
- International Electrotechnical Commission (IEC). (2021). IEC 60364: Low-voltage electrical installations.
- IEEE Power & Energy Society. (2023). Electrical Safety Practices in Industrial Environments.
- สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (2023). มาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม.