งานไฟฟ้าในสถานประกอบกิจการมีความเสี่ยงสูง เช่น ไฟฟ้าช็อต ไฟไหม้ หรือการระเบิด ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต การประเมินความเสี่ยงจึงเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถระบุ ควบคุม และลดความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำและเป็นระบบ โดยเทคนิคการใช้ Job Safety Analysis (JSA), Hazard Identification and Risk Assessment (HIRA) และ Bowtie Diagram ที่ประยุกต์ใช้เฉพาะกับงานไฟฟ้า
เครื่องมือประเมินความเสี่ยง ที่เหมาะกับงานไฟฟ้า
1. Job Safety Analysis (JSA): แยกงานเป็นขั้นตอนเพื่อค้นหาความเสี่ยง
JSA เป็นเทคนิคพื้นฐานที่ใช้กันแพร่หลายในงานอุตสาหกรรม โดยแบ่งงานออกเป็นขั้นตอนย่อย และระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอน จากนั้นกำหนดมาตรการควบคุม
ตัวอย่างการประยุกต์กับงานไฟฟ้า:
ในงาน “ตัดไฟเพื่อซ่อมตู้ควบคุมไฟฟ้าแรงต่ำ” สามารถแบ่งเป็น
-
ขั้นตอน 1: แจ้งเวรช่างเพื่อขออนุญาต
-
ขั้นตอน 2: ปิดเบรกเกอร์หลัก
-
ขั้นตอน 3: ตรวจสอบการไม่มีแรงดันด้วย Voltage Tester
-
ขั้นตอน 4: ล็อกป้าย Lockout Tagout
-
ขั้นตอน 5: เริ่มซ่อมบำรุง
สำหรับแต่ละขั้นตอน ต้องพิจารณาอันตราย เช่น “แรงดันคงเหลือหลังตัดไฟ” หรือ “การสัมผัสอุปกรณ์ที่มีไฟฟ้าสถิต” แล้วกำหนด PPE และมาตรการที่เหมาะสม เช่น การทดสอบแรงดันก่อนทำงาน
2. Hazard Identification and Risk Assessment (HIRA): ประเมินตามความรุนแรงและโอกาสเกิด
HIRA ใช้หลักการประเมินความเสี่ยงโดยกำหนดระดับของ
-
ความเป็นไปได้ (Likelihood)
-
ผลกระทบ (Severity)
สูตรคะแนนความเสี่ยง:
Risk = Likelihood × Severity
ตัวอย่างการใช้ HIRA กับงานเดินสายไฟบนเพดานสูง:
-
อันตราย: “ไฟฟ้าช็อตจากสายเปลือย”
-
Likelihood: 3 (มีโอกาสระดับกลาง)
-
Severity: 5 (ถึงขั้นเสียชีวิต)
-
Risk Score = 15 → ความเสี่ยงสูงมาก ต้องหยุดงาน จัดทำ Permit และกำหนดวิธีควบคุมเฉพาะ
HIRA ยังสามารถใช้เทียบระดับความเสี่ยงก่อน-หลังใช้มาตรการควบคุมได้อีกด้วย ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
3. Bowtie Diagram: มองความเสี่ยงแบบองค์รวม
Bowtie Diagram เป็นเครื่องมือที่ช่วยมองภาพรวมความเสี่ยง ทั้งสาเหตุ (Threats) และผลกระทบ (Consequences) โดยมี “เหตุการณ์กลาง (Top Event)” เป็นจุดศูนย์กลาง เช่น การ “เกิดไฟฟ้าลัดวงจร”
ซีกซ้ายของโบว์ไท จะวิเคราะห์ สาเหตุ เช่น
-
ความชื้นสะสมในตู้ควบคุม
-
เดินสายไม่ถูกต้อง
-
อุปกรณ์เสื่อมสภาพ
ซีกขวาของโบว์ไท จะมอง ผลกระทบ เช่น
-
ไฟไหม้ตู้ไฟ
-
สูญเสียการผลิต
-
บาดเจ็บจากไฟฟ้าช็อต
จากนั้นวางมาตรการควบคุมทั้งสองฝั่ง เช่น
-
ฝั่งสาเหตุ: ตรวจสอบความชื้นเป็นประจำ, ใช้สายตามมาตรฐาน
-
ฝั่งผลกระทบ: ติดตั้งเครื่องตัดไฟอัตโนมัติ, ระบบดับเพลิงภายในตู้
Bowtie Diagram ทำให้ทีมงานเห็นความเชื่อมโยงของปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด และช่วยตัดสินใจวางแผนการป้องกันได้แม่นยำมากขึ้น
ตารางสรุปเปรียบเทียบเครื่องมือประเมินความเสี่ยงงานไฟฟ้า
เครื่องมือ | จุดเด่น | เหมาะกับงาน | ข้อควรระวัง |
---|---|---|---|
JSA | ละเอียดเป็นขั้นตอน | งานประจำ, งานมีขั้นตอนชัดเจน | ต้องทำร่วมกับพนักงานที่มีประสบการณ์ |
HIRA | เห็นระดับความเสี่ยงชัด | งานทั่วไปทุกประเภท | ต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจน |
Bowtie Diagram | มองภาพรวมทั้งระบบ | งานที่มีผลกระทบรุนแรง | อาจซับซ้อน ต้องการผู้วิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญ |
หากคุณทำงานเกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นช่างเทคนิค วิศวกร หรือหัวหน้างาน การมีทักษะและความรู้ที่ถูกต้องคือ “เกราะป้องกันชีวิต” ที่ดีที่สุด ดังนั้นฝึกทักษะการทำงานกับไฟฟ้า จากอบรมไฟฟ้า จึงเป้นสิ่งที่นายจ้างต้องจัดอบรมให้ลูกจ้างก่อนปฏิบัติงาน (ในจุดนี้ยังเป้นข้อกำหนดทางกฎหมายที่ต้องทำอีกด้วย)
สรุป
งานไฟฟ้ามีความเสี่ยงที่ต้องควบคุมอย่างจริงจัง การใช้ JSA เพื่อแยกงานย่อยและวิเคราะห์อันตราย, HIRA เพื่อประเมินระดับความเสี่ยง, และ Bowtie Diagram เพื่อมองภาพรวมและระบบควบคุมแบบสองด้าน จะช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันอุบัติเหตุจากงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดต่อสอบถามหลักสูตรไฟฟ้า
- โทร : 064-958-7451 คุณแนน
- อีเมล : Sale@safetymember.net
เอกสารอ้างอิง
-
International Labour Organization (ILO). (2022). Occupational Safety and Health Management System Guidelines.
-
IEC 60364-6:2016 – Low-voltage electrical installations – Part 6: Verification
-
OSHA 3071 – Job Hazard Analysis. U.S. Department of Labor
-
Energy Institute. (2015). Bow Tie Analysis: A Guide for Effective Implementation
-
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2565). แนวทางการประเมินความเสี่ยงในสถานประกอบกิจการ