แผลไหม้จากไฟฟ้าเป็นอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของบุคคล ซึ่งอาจเกิดจากการสัมผัสกับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือสายไฟที่มีการไหลของกระแสไฟฟ้าแรงสูง การบาดเจ็บจากไฟฟ้ามักมีผลกระทบรุนแรงทั้งในด้านการทำลายเนื้อเยื่อที่สัมผัสไฟฟ้าและอาจก่อให้เกิดความเสียหายภายในร่างกาย การปฐมพยาบาลที่ถูกต้องและรวดเร็วสามารถช่วยลดความรุนแรงของแผลไหม้และเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวของผู้บาดเจ็บได้
วันนี้เราได้รวมวิธีการปฐมพยาบาลแผลไหม้จากไฟฟ้าอย่างละเอียด โดยเริ่มตั้งแต่การประเมินสถานการณ์ การช่วยเหลือเบื้องต้น การปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่สามารถช่วยลดอันตรายจากไฟฟ้า และการดูแลแผลไหม้ที่เกิดจากไฟฟ้า ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์หรือผู้ที่มีความรู้พื้นฐานควรเข้าใจและสามารถทำได้ในกรณีฉุกเฉิน
ประเภทของแผลไหม้จากไฟฟ้า
แผลไหม้จากไฟฟ้าสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตามความรุนแรงของการได้รับกระแสไฟฟ้าและบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้วจะมีแผลไหม้ในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
-
แผลไหม้จากกระแสไฟฟ้าแรงดันสูง (High-voltage burns)
เกิดจากการสัมผัสกับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือสายไฟที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง มักจะทำให้เกิดแผลไหม้ที่ลึก และอาจมีการเสียหายของเนื้อเยื่อภายในร่างกาย เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท และอวัยวะภายใน -
แผลไหม้จากกระแสไฟฟ้าแรงดันต่ำ (Low-voltage burns)
เกิดจากการสัมผัสกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าต่ำ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน มักทำให้เกิดแผลไหม้ที่ผิวหนังและมีอาการเจ็บปวด แต่ไม่รุนแรงเท่ากับแผลไหม้จากไฟฟ้าแรงดันสูง -
แผลไหม้จากอาร์คไฟฟ้า (Arc burns)
เกิดจากการเกิดประกายไฟหรือการลัดวงจรของไฟฟ้า ซึ่งมักพบในงานอุตสาหกรรมที่มีการเชื่อมเหล็ก หรือการทำงานกับเครื่องจักรที่มีการสร้างกระแสไฟฟ้าแรงสูง อาการแผลไหม้จากอาร์คไฟฟ้ามักจะเกิดที่ผิวหนังและอาจรุนแรงมากขึ้นหากไม่ทำการรักษาทันที
ขั้นตอนการปฐมพยาบาลแผลไหม้จากไฟฟ้า
การปฐมพยาบาลแผลไหม้จากไฟฟ้าต้องทำอย่างรวดเร็ว และมีความระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มเติมและช่วยลดอาการเจ็บปวด ดังนี้
1. หยุดการสัมผัสกับแหล่งกระแสไฟฟ้า
เมื่อพบเหตุการณ์แผลไหม้จากไฟฟ้า สิ่งแรกที่ต้องทำคือหยุดการสัมผัสกับแหล่งกระแสไฟฟ้า การตัดกระแสไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญที่จะป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้ายังคงไหลผ่านร่างกายของผู้บาดเจ็บ ในกรณีที่ไม่สามารถตัดกระแสไฟฟ้าได้ทันที ควรใช้วัสดุที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้า เช่น ไม้ พลาสติก หรือผ้าแห้งในการดึงผู้บาดเจ็บออกจากแหล่งกระแสไฟฟ้า โดยให้หลีกเลี่ยงการใช้มือเปล่าทันที เนื่องจากอาจทำให้ผู้ช่วยเหลือได้รับบาดเจ็บได้
2. ประเมินอาการเบื้องต้น
หลังจากที่หยุดการสัมผัสกับไฟฟ้าแล้ว ควรประเมินอาการของผู้บาดเจ็บ ว่ามีอาการเจ็บปวดจากแผลไหม้หรือไม่ และดูว่าอาการแย่ลงหรือไม่ เช่น หยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น หรือสติหลุด ควรเริ่มทำการช่วยเหลือทันที
-
-
ช่วยหายใจ (CPR): หากผู้บาดเจ็บมีอาการหยุดหายใจ หรือหยุดการเต้นของหัวใจ ต้องเริ่มทำการช่วยหายใจและการนวดหัวใจ (CPR) ตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
-
ดูแลแผลไหม้: หลังจากการช่วยเหลือเบื้องต้น ควรให้ความสนใจกับแผลไหม้ที่เกิดขึ้น
-
3. ล้างแผลด้วยน้ำเย็น
การล้างแผลไหม้จากไฟฟ้าด้วยน้ำเย็นจะช่วยลดความร้อนจากแผลไหม้และช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ควรใช้น้ำที่เย็นพอสมควร ไม่ใช่น้ำเย็นจัดหรือแช่แผลในน้ำเย็น เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มขึ้นได้ การล้างแผลควรทำในทันทีที่สามารถทำได้
4. ปกป้องแผลไหม้
หลังจากที่ล้างแผลแล้ว ควรปกป้องแผลจากการติดเชื้อ โดยการใช้ผ้าสะอาดหรือผ้าพันแผลที่ไม่มีขนคลุมแผล วิธีนี้จะช่วยลดอาการบวมและป้องกันการติดเชื้อ
5. ห้ามเจาะหรือบีบแผลไหม้
ผู้ปฐมพยาบาลไม่ควรพยายามเจาะ หรือบีบแผลไหม้ เพราะจะทำให้แผลขยายใหญ่ขึ้นและเกิดการติดเชื้อได้
6. ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์
แม้จะทำการปฐมพยาบาลแล้ว แต่แผลไหม้จากไฟฟ้าอาจต้องการการรักษาในโรงพยาบาล หากแผลไหม้มีขนาดใหญ่หรือมีอาการที่รุนแรง เช่น มีแผลลึก บวมแดง หรือเลือดออก ควรรีบส่งผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับการดูแลทางการแพทย์ต่อไป
7. ติดตามอาการ
ควรติดตามอาการของผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิดจนกว่าความช่วยเหลือจากแพทย์จะมาถึง หากพบว่าอาการแย่ลง ควรเตรียมการช่วยเหลือเพิ่มทันที
เทคนิคการป้องกันแผลไหม้จากไฟฟ้า
การป้องกันแผลไหม้จากไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยสามารถดำเนินการป้องกันได้ตามวิธีต่างๆ ดังนี้:
1. ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน
การเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การเลือกใช้สายไฟที่มีฉนวนป้องกันที่มีคุณภาพดี และการเลือกใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้รับการทดสอบและรับรองความปลอดภัย จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดไฟฟ้าช็อตหรือไฟไหม้ได้อย่างมาก
2. ตรวจสอบสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ
การตรวจสอบสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในสถานที่ทำงานหรือพื้นที่ที่มีการใช้งานไฟฟ้าหนัก การตรวจสอบจะช่วยให้พบปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น สายไฟเสื่อมสภาพ การติดตั้งอุปกรณ์ที่ไม่ถูกต้อง หรือการขัดข้องของระบบไฟฟ้าที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการลัดวงจร
3. ให้ความรู้แก่บุคลากรเกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้า
การฝึกอบรมให้พนักงานหรือบุคคลทั่วไปเข้าใจถึงวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง, วิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจากไฟฟ้า, รวมถึงการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆ จะช่วยให้สามารถป้องกันและลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากไฟฟ้า ตามกฎหมายแล้วพนักงานที่มีความเกี่ยวข้องกับไฟฟ้า นายจ้างต้องจัดให้มีการอบรมการทำงานกับไฟฟ้า พร้อมส่งเอกสารให้พนักงานความปลอดภัย ภายใน 15 วัน
4. ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้า
การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ เช่น สวิตช์ตัดไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือเครื่องมือป้องกันไฟฟ้ารั่ว เป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานไฟฟ้าในทุกๆ สถานที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการใช้งานไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าหนักๆ
การป้องกันแผลไหม้จากไฟฟ้าสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ, การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ, การฝึกอบรมบุคลากรเกี่ยวกับความเสี่ยงจากไฟฟ้า และการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
สรุป
การปฐมพยาบาลแผลไหม้จากไฟฟ้าเป็นการช่วยเหลือที่สำคัญในการลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บรุนแรง การรู้วิธีปฐมพยาบาลและการตอบสนองอย่างรวดเร็วจะช่วยให้ผู้บาดเจ็บได้รับการดูแลที่ดีขึ้นและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวของร่างกายได้ การป้องกันและการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างปลอดภัยจะช่วยลดอันตรายจากการบาดเจ็บจากไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ที่สนใจร่วมอบรมหลักสูตรการทำงานกับไฟฟ้า เราขอแนะนำ Elecsafetrain สถาบันฝึกอบรมไฟฟ้าเพื่อเรียนรู้วิธีการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างถูกต้อง และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น! ราคาเริ่มต้น 1,800 บาท/ท่าน
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรในสถานที่ทำงานที่ใช้ไฟฟ้า, ผู้ที่ต้องทำงานใกล้แหล่งไฟฟ้า หรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการเรียนรู้การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย
รายละเอียดหลักสูตร : อบรมไฟฟ้า บุคคลทั่วไป
ติดต่อสอบถาม : (064) 958 7451 คุณแนน
อ้างอิง
-
American Burn Association. (2016). Electrical burns: Diagnosis and treatment. Journal of Burn Care & Research, 37(4), 224-229.
-
National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH). (2007). Electrical safety. Centers for Disease Control and Prevention.
-
Red Cross. (2015). First Aid Manual. American Red Cross.
บทความที่น่าสนใจ
- กลไกการทำงานของเบรกเกอร์ (Circuit Breaker)
- ฟิวส์ขาดบ่อย ๆ อาจบ่งบอกถึงปัญหาอะไร
- ไฟฟ้าช็อตอันตรายแค่ไหน เจาะลึกความเสี่ยง ผลกระทบ และวิธีป้องกัน
- Lockout Tagout (LOTO) คืออะไร